ศิษย์เก่า CRS Mahidol

รูปภาพของฉัน
สวัสดีครับ ผมชื่ออาร์โนครับ ผมเป็นศิษย์เก่าวิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ในช่วงที่ผมได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น เพื่อนๆ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ให้ผมได้ช่วยแก้ไขเสมอ บางครั้งผมก็รู้วิธีแก้บ้างไม่รู้บ้าง แต่ผมยินดีที่จะช่วยเหลือเพื่อนๆ มาโดยตลอด แต่ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ที่นำโจทย์ปัญหามาให้ผมแก้ ทำให้ผมต้องใฝ่หาความรู้เกี่ยวกับการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์มากขึ้น ดังนั้น เพื่อนๆ และผู้ที่ขอความช่วยเหลือเป็นดั่งครูของผมเสมอ เพราะแต่ละคนก็จะมีปัญหาที่แตกต่างกันไป ทำให้ผมก็มีโอกาสได้เจอกับปัญหาที่หลากหลายเช่นกัน และทำให้ผมได้รู้วิธีแก้ปัญหาที่หลากหลายตามไปด้วย หลังจากที่ผมเรียนจบแล้ว ผมก็คงไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนๆ ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจสร้าง Blog ส่วนตัวอันนี้ขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า rnocrs วัยรัส วัยรัก ทำไม ต้องเป็นชื่อนี้ด้วย ก็เพราะว่า เนื้อหาของบล็อกนี้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาไวรัส กับความรัก ตามจริงแล้วเรื่องเกี่ยวกับความรักผมไม่ค่อยได้เน้นเท่าไรนัก แต่ผมตระหนักเสมอว่า คน เราต้องมีรักมาเติมเต็มหัวใจ เพื่อให้มีกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆ อีกมากมาย ความสุขนั้น ผมได้รับตั้งแต่ผมคิดที่จะเขียนบทความดีๆ ให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านแล้วหล่ะครับ ขอบคุณครับที่ เข้ามาแวะชมบทความของผม

ฝากข้อความถึงอาร์โน

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ถ้าวันหนึ่ง "รถเหาะได้เป็นเรื่องปกติ"

          ก่อนอ่านขอบอกก่อนว่า อย่าเพิ่งเชื่อผม ผมแค่พูดตามความรู้สึกนึกคิดและจากการอ่านหนังสือของผมเท่านั้นเอง ถ้าหากผมอธิบายผิด ก็ขอประทานโทษอย่างสูงครับ     
          ลองมองย้อนกลับไปในยุคก่อนหน้าที่ เซอร์ไอแซก นิวตันจะค้นพ้นแรงโน้มท่วมของโลก และกฎต่่างๆ เกี่ยวกับฟิสิกส์นะครับ มนุษย์ยังรบกันด้วยดาบ แต่หลังจากทฤษฏีของท่าน นิวตัน เป็นที่รู้จักมากขึั้น มนุษย์เริ่มมีปืนกล มีเครื่องจักรไอน้ำ มีเครื่องพิมพ์ดีด และก็มีอื่นๆ อีกมากมาย พอมายุคของ ท่านไอน์ไสตน์ บ้าง จากเครื่องจักรซึ่งเป็นอนาลอกเสียส่วนใหญ่ ก็กลายมาเป็นระบบดิจิตอล มีคอมพิวเตอร์ มีเลเซอร์ และอีกมากมาย สรุปให้เข้าใจก็คือ นิวตัน ยุคอนาลอก ไอไสตน์ ยุคดิจิตอล
          ในช่วงระยะเวลาหนึ่งพวกเราเชื่อกันว่า อะตอม นั้นเป็นหน่วยของสิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุด ไม่มีอะไรเล็กไปกว่าอะตอมอีกแล้ว อีกอย่าง อะตอมแบ่งแยกไม่ได้ (ภาษากรีก อะตอม แปลว่า แบ่งแยกไม่ได้อีก) ต่อมา นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบแล้วว่า อะตอม สามารถแบ่งแยกได้อีก เมื่อแบ่งไปแล้วมันคืออะไรล่ะ มันคือ ควอนตัมครับ แล้วดูเหมือนว่า จะไม่สามารถแบ่งออกได้อีกแล้ว ที่นี้ก็คงจะหมดยุคที่นักวิทยาศาสตร์จะค้นหาหน่วยที่เล็กที่สุดแล้วละมั้งครับ ต่อไปนี้นักวิทยาศาสตร์ก็น่าจะ รวม ยุคอนาลอก + ดิจิตอล + ควอนตัม เข้าด้วยกัน เผื่อว่าอาจจะได้เทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก็เป็นได้นะครับ ประมานว่า มิกซ์ แต่ไม่แมท 555 มั่วจริงๆ เลยเรา เด๋วถ้าคิดอะไรได้จะมาเขียนอีกนะคับ
อ่านเพิ่มเติม >>

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

ชีวิตบัณฑิตอาสา

         บางคนเมื่อได้ยินคำว่า "บัณฑิตอาสา" ก็คงจะเข้าใจความหมาย แต่บางคนอาจจะไม่เข้าใจ ก่อนที่ผมจะพูดพร่ำต่อไปขอ อธิบายสักนิดว่า บัณฑิตอาสาคืออะไรกันแน่ บัณฑิตอาสา ก็คือนักศึกษาที่เรียนจบระดับปริญญาตรี แล้วอาสาไปช่วยสอนตามโรงเรียนต่างๆ ที่ขาดแคลนบุคคลากรทางการศึกษานั่นเอง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า บัณฑิตอาสาคือนิสิตฝึกสอน แต่จริงๆ แล้วคนละความหมายกันครับ นิสิตฝึกสอน นั้นคือ นักศึกษาที่ขอมาฝึกสอนเพื่อให้ได้จบการศึกษานั่นเอง แต่บัณฑิตอาสาคือ จบแล้วได้รับปริญญาบัตรแล้ว จะว่าไปในภาคปฏิบัติ ทั้งบัณฑิตอาสาและนิสิตฝึกสอน ต่างก็เรียนรู้การสอนจากการทำงานไปเหมือนๆ กันนั่นแหล่ะ แตกแต่ก็เพียง เรียนจบแล้ว กับยังไม่จบ แค่นั้นเอง
           ขึ้นชื่อว่า บัณฑิตอาสา ก็ต้องทำตัวเองให้เป็นอาสาจริงๆ คงเข้าใจนะครับคำว่าอาสา ก็คืออาสา ทำหลายอย่างครับ อย่างผมเป็นบัณฑิตอาสา ผมดีใจมากและมีความสุขกับการทำงานช่วยเหลือสังคมครับ ถามว่าเหนื่อยใหม ตอบตามตรง เหนื่อยครับ แต่ผมก็มีความสุขที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้มาเป็นครูสอน ซึ่งผมไม่ได้จบครูมาโดยตรง กล่าวคือ ยังไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพครูนั่นเอง เพราะผมไม่ได้เรียนสายตรงมานั่นเอง ทำไมล่ะถึงเป้นแบบนั้น ก็ทีแรกผมไม่ชอบการเป็นครูเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อได้มาเป็นบัณฑิตอาสา ทำหน้าที่ครูสอนแล้ว จิตวิญญาณครูเข้าสิง อิอิ อะไรประมาณนั้น ทำให้จนถึงทุกวันนี้ผมไม่อยากเป็นอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากเป็นครู (ครูที่แท้จริงโดยจิตวิญญาณ) เพราะผมมีความคิดขึ้นมาครับว่า ถ้าผมไม่อุปสมบทเป็นภิกษุเผยแพร่หลักธรรม ผมก็จะเป็นครู เป็นแม่พิมพ์ของชาติบ้านเมือง ได้บุญด้วยครับ ถ้ามองในแง่ของความดีอะนะ
อ่านเพิ่มเติม >>

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

UFO มีจริงหรือไม่

คุณผู้อ่านครับ
              ตอนที่ผมเป็นเด็กผมเคยมองลงพื้นที่มีน้ำขังอยู่ เห็นเงาสะท้อนท้องฟ้า ทำให้ความคิดมันแวบเข้ามาในใจผมทันที ตามประสาเด็กนะ กล้วว่าจะตกลงไปในท้องฟ้าที่อยู่ในน้ำ เพราะมันดูเหมือนกับลึกมากๆๆ ผมก็บ่นในใจว่า ท้องฟ้าใหญ่จริงๆ นะ แล้วผมก็คิดว่า แล้วจะมีอะไรที่ใหญ่กว่าท้องฟ้าอีกใหม ยิ่งคิดยิ่งดูเหมือนว่ามันไม่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขตอ่ะนะ ผมก็คิดไปเรื่อยๆ แล้วอะไรอะที่ใหญ่กว่าไปอีกๆๆๆๆ และผมก็ยังสงสัยอยู่ เมื่อผมโตขึ้น เรียนปริญญาตรีแล้ว ผมได้เรียนรู้เรื่องจักรวาลและเอกภพในมุมมองของศาสนาและวิทยาศาสตร์ ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เห็นท้องฟ้าในน้ำ ในวันนั้นอีกครั้ง ตอนนี้ผมก็เลยได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า จักรวาลทั้งจักรวาลนี้ มันไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุดเลย เพราะทุกสิ่งในจักรวาลนี้ มันมีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง หลายคนอาจคิดว่า แล้วจักรวาลล่ะ อยุ่ตรงไหน ของอะไร มีอะไรใหญ่กว่าจักรวาลอีกใหม ผมก็คงให้คำตอบไม่ได้ แต่ผมเห็นว่า จักรวาลไม่น่าจะอยู่อะไร แต่มันคือช่องว่าง หรือ Space ในภาษาอังกฤษ
อ่านเพิ่มเติม >>